English I 日本語 I ภาษาไทย
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อทานิฮาระ อายุ 70 ปี ฉันได้แต่งงานและมีลูก 2 คน คนโตทำงานอยู่ที่เมืองโตเกียว ส่วนคนเล็กทำงานอยู่ที่เมืองฮิราโดะค่ะ ตอนนี้ฉันเปิดร้านขายของที่ระลึกอยู่ที่เมืองฮิราโดะค่ะ
เมืองฮิราโดะ เมืองเล็กๆที่สักครั้งหนึ่งควรจะได้มา
หลายๆคนคงยังไม่รู้จักเมืองที่ว่า “ฮิราโดะ” เมืองฮิราโดะนั้นเป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดนางาซากิของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองที่มีประวัติมายาวนาน เมื่อ 400 กว่าปีก่อนเมืองนี้เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองด้วยการค้ากับประเทศฮอลแลนด์หรือเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบัน ทำให้ในปัจจุบันนั้นยังคงเหลือกลิ่นอายของการผสมผสานวัฒนธรรมต่างๆที่ลงตัวกันอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่สักครั้งในชีวิตคุณควรจะได้มาสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ สักครั้งในชีวิต
ร้านขายของที่ระลึก สถานที่ที่เมื่อใครผ่านมาต้องแวะเข้าไปดู
ร้านขายของที่ระลึกร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถบัสฮิราโดะ ซึ่งเป็นจุดที่เรียกได้ว่าเป็นใจกลางเมืองฮิราโดะเลยก็ว่าได้ โดยร้านขายของที่ระลึกร้านนี้ได้ก่อตั้งโดยคุณแม่ของดิฉันค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอเล่าประวัติเล็กๆน้อยๆของฉัน ก่อนที่ฉันจะได้มาทำร้านนี้สักนิดนึงนะคะ ฉันเกิดที่เมืองฮิราโดะค่ะ แล้วก็ได้อาศัยอยู่ที่เมืองนี้กับครอบครัวจนอายุ 20 ปีค่ะ แล้วฉันก็ย้ายไปทำงานอยู่ที่โตเกียวค่ะ ทำงานอยู่เป็นพนักงานภาคพื้นดินของสายการบินหนึ่งค่ะ แต่เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วค่ะ คุณแม่ของฉันป่วยค่ะ ฉันจึงจำเป็นต้องย้ายกลับมาดูแลคุณแม่ รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึกของคุณแม่ที่คุณแม่ได้เปิดขึ้นมาด้วยค่ะ นั่นเลยกลายเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันมาขายของจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
คุณทานิฮาระ ได้รับนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยหรือคะ
ใช่ค่ะ ฉันรับนักเรียนแลกเปลี่ยนมาได้จำนวน 6 คนแล้วค่ะ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศไทยทั้งหมดเลยค่ะ จุดเริ่มต้นของการรับนักเรียนแลกเปลี่ยนเกิดจากสามีของดิฉันค่ะ เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของชมรมกีฬาเทนนิสของเมืองฮิราโดะค่ะ วันหนึ่งมีคนในชมรมคนหนึ่งถามขึ้นมาว่ามีโครงการรับนักเรียนแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมโครงการหนึ่งค่ะ ชื่อว่า Pace International Exchange Program ตอนนั้นทางโครงการกำลังหาที่พักสำหรับนักเรียนอยู่มีใครสนใจที่จะรับไหม สามีของดิฉันเลยกลับมาถามฉันว่าสนใจที่รับไหม ฉันก็ใช้เวลาคิดสักครู่ เราเลยตัดสินใจว่าลองรับมาก่อนละกัน นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการรับนักเรียนแลกเปลี่ยนของดิฉันค่ะ ซึ่งต่อมาในๆทุกๆปีโกทุกคนก็จะมาอยู่แล้วก็ผ่านไป และฉันกับสามีก็คิดกันเสมอว่าปีหน้าเราจะรับนักเรียนแลกเปลี่ยนอีกดีไหม เนื่องจากนักเรียนแลกเปลี่ยนแต่ละคนก็จะมีนิสัย รวมไปถึงพื้นฐานทางครอบครัวที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็อาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตร่วมกันตลอด 1 ปี แต่สุดท้ายเราก็รับนักเรียนแลกเปลี่ยนมาจนถึงปัจจุบัน เพราะเราคิดไปในทางที่ดีว่า อายุเราก็มากขึ้นทุกๆวัน การที่รับนักเรียนแลกเปลี่ยนมาก็เป็นเหมือนการเพิ่มความคิดในการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมไปถึงการคิดเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ เช่น วันนี้เราจะทำอะไรให้เขาทานดี หรือหากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เราจะแก้ปัญหาพวกนั้นอย่างไรดี เป็นต้น
ทำไมเราจึงต้องมาเที่ยวที่ฮิราโดะ
ดิฉันคิดว่าฮิราโดะอาจจะไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่าสวยและมีชื่อเสียงมากอย่างเมืองอื่นในจังหวัด
นางาซากิ แต่สิ่งที่เรามีคือบ้านเมืองที่เงียบสงบ ปราศจากภัยธรรมชาติต่างๆ รวมไปถึงปัญหาอาชญากรรมต่างๆด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เมืองของพวกเรามีคือผู้คนที่มีความเป็นกันเองและพร้อมที่จะต้อนรับทุกคนที่ได้มาเยือนที่นี่ค่ะ